365 วันกับความรัก
** เด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเหงาอยู่ริมหน้าต่าง
เธอมองดูกระถางต้นไม้ที่แห้งเฉา ดินแตกระแหง แต่ยังมีเมล็ดพืชงอกงามอยู่ในนั้น เธอเก็บเมล็ดพืชนั้นมาด้วยความสงสัย...อยากรู้ว่ามันงอกขึ้นมาได้อย่างไร?
..วันที่ 1 เธอนำเมล็ดพืชนั้นมาปลูกในกระถางใบใหม่..รอคอยวันที่มันจะเติบโต เธออยากเห็นเมล็ดพืชโตเร็วจึงรดน้ำ จนล้นกระถาง.. ..วันที่ 2 เธอเฝ้าดูการเจริญเติบโตของเมล็ดพืชนั้น..ทันใดนั้นก้อมีปลาทองออกมาจากเมล็ดนั้น เด็กหญิงเอาปลาทองใส่ไว้ในโหลและคิดว่าคงรดน้ำมากเกินไปจึงเอากระถางไปใส่ไว้ในเตาอบและเฝ้าดู ..วันที่ 3 เธอเปิดเตาอบออกดูเห็นลูกไก่เดินอยู่ในนั้น มันมองมาที่เธอและเดินตามเธอตลอดเวลา เด็กหญิงมีความคิดว่าควรจะใส่ปุ๋ยให้มันและเริ่มเทปุ๋ยจนหมดถุง และ..รอ ..วันที่ 4 มีริบบิ้นสีแดงออกมาจากเมล็ด เธอดีใจมากนำริบบิ้นมาผูกให้กับลูกไก่ แต่ละวันเด็กผู้หญิงจะเฝ้ารอดูว่าจะมีอะรัยออกมาจากเมล็ดพืชอีก เธอมีความสุขกับการได้ดูแลเมล็ดพืช รดน้ำ พรวนดิน ให้แสงแดด ...วันที่ 30 เด็กหญิงเบื่อที่จะรดน้ำ และดูแลต้นไม้ ไม! ่ตื่นเต้นกับสิ่งที่จะออกมาจากเมล็ดพืชนั้นเหมือนแต่ก่อน..ต้นไม้เริ่มแห้งเฉาใบไม้เริ่มเป็นสีเหลือง ไม่มีอะรัยออกมาจากเมล็ดพืชอีก.. ..วันที่ 180 ใบไม้เริ่มแห้งกรอบ ดินเริ่มแตกแยกเหมือนครั้งแรกที่เด็กหญิงเจอมัน..เธอเศร้าเสียใจอย่างมาก ...วันที่ 250 เด็กหญิงรดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ...เธอมีความหวังที่จะได้พบสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจอย่างที่เคยเป็น ..วันที่ 251 เธอนำกระถางมารับแสงแดดอ่อนๆตอนเช้าด้วยใจที่เบิกบานและเต็มไปด้วยความหวัง ..วันที่ 252 เธอใส่ปุ๋ยและพรวนดินให้ต้นไม้ มีลูกไก่ที่ผูกริบบิ้นสีแดงและปลาทองในโหลอยู่ใกล้ๆ ..วันที่ 300 การเอาใจใส่ ดูแลอย่างใกล้ชิดของเธอทำให้ต้นไม้กลับมาออกใบเขียวชอุ่ม..และที่น่าประหลาดใจคือ เมล็ดพืชกลายเป็นดอกสีขาวเล็กๆรูปร่างคล้ายหัวใจ เด็กหญิงตื่นเต้นดีใจกว่าทุกครั้ง ..วันที่ 340 เธอร้องเพลงและพูดคุยกับดอกไม้สีขาวนั้นทุกเวลาที่ว่าง เธอรู้สึกมีความสุขมาก..ที่ได้คอยเอาใจใส่โดยลืมไปสนิทว่ามันจะกลายเป็นอะรัยต่อไป..เด็กหญิงไม่คาดหวังให้ดอกไม้กลายเป็นสิ่งใด เธอทะนุถนอมและดูแลมันอย่างดีที่สุด ..วันที่ 36! 5 เด็กหญิงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง กระถางตรงหน้าเธอไม่มีดอกไม้สีขาวรูปหัวใจอีกแล้ว ดอกไม้ที่เธอเฝ้าดูแลหายไป!! ..แต่เธอไม่เศร้า ไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้ เพราะเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่าง เขาสามารถพูดคุยกับเธอ ยิ้มให้เธอ ไปทุกที่กับเธอ เข้าใจเธอ และเธอก็ไม่เคยเหงาอีกเลย...... ** คุณรู้หรือยังว่าดอกไม้สีขาวรูปหัวใจกลายเป็นอะไร ** เด็กผู้หญิงใช้เวลา 1 ปี ในการเรียนรู้เรื่องความรัก เธอเรียนรู้ว่า // เมื่อเธอรดน้ำมากๆไม่ได้แปลว่ามันจะเจริญเติบโตเร็ว มันอาจกลายเป็นสิ่งที่เธอคิดไม่ถึง // การเอาใจใส่กันเป็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้ความรักคงอยู่ต่อไป // การรอคอยเมื่อครั้งแรกเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแต่นานเข้าจะกลายเป็นความท้อแท้และเบื่อหน่าย // ถึงเรายอมรับที่จะสูญเสียแต่ไม่มีทางหนีจากความเจ็บปวดได้ // ไม่มีคำว่าสาย สำหรับความรัก เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ // การที่เราคาดหวังกับความรักมากเท่าไรเมื่อไม่เป็นอย่างที่หวังเราจะยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น ** คุณล่ะใช้เวลาเท่าไรในการทำความรู้จักและพยายามเข้าใจในความรัก "ความรัก" ไม่มีข้อปฏิบัติที่ตายตัวแต่ละ! คนจึงต้องค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง ตามวิธีที่แตกต่างกัน.... |
*******************************
เขินแล้ว…เป็นไง ???
เพื่อนๆ รู้ไหมว่า แค่อาการเขินที่แสดงออกมา ก็เป็นลักษณะหนึ่งที่บอกได้ว่าคนๆ นั้น มีบุคลิกที่ซ้อนเร้นแบบไหน ลองสังเกตคนข้างๆ สิ แกล้งทำให้เขิน แล้วดูว่า เขาคนนั้นจะแสดงอาการอย่างไร เป็นอย่างที่ทำนายไว้หรือเปล่า… เขินแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่อง เวลาที่คุณทำอะไรหน้าแตกขึ้นมา แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ว่าเอ…ใช่เราทำเหรอ แล้วชวนคนรอบข้างคุยเรื่องอื่น แบบเปลี่ยนเรื่องไปในทันที ทั้งๆ ที่ตัวคุณเองก็รู้สึกเขินอยู่ไม่น้อย นั่นล่ะ บอกได้ว่าคุณเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง มาดขรึม สงบเสงี่ยม แต่ฉลาดรอบรู้ และจริงจังกับการทำงานอยู่ไม่น้อยเชียว แถมยังแอบโรแมนติกเล็กๆ ชอบเสียงคลื่น ลมทะเล แมกไม้ ป่าเขาลำเนาไพรเสียด้วย… เขินแล้วทำเฉย ถ้าทุกทีที่คุณรู้ตัวว่าได้ทำเรื่องน่าอายขึ้นมาแล้ว แต่หน้าตาท่าทางของคุณกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน หรือรู้สึกตัวร้อนผ่าวเพราะเขินอายแต่อย่างไร ต้องยอมรับว่าคุณเป็นคนที่แน่มาก คุณเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นแบบสูงสุดขีด ถึงขั้นเอาแต่ใจตัวเองก็ว่าได้ ขึ้โมโหอีกต่างหาก แต่คุณก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ตรงกันข้าม กลับเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย และไม่ใช่คนจองหอง แต่ออกจะเป็นคนทำอะไรไม่รู้จักรอบคอบเท่าไรนัก เขินแล้วหน้าแดงก่ำ ไม่แปลกอะไรสำหรับอากัปกิริยาแบบนี้ เพราะคุณเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย จิตใจงาม เห็นอกเห็นใจ และมักชอบช่วยเหลือคนรอบข้างอยู่เป็นประจำ ใครที่ได้คุณเป็นเพื่อน นับว่าโชคดีทีเดียว เพราะคุณจะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่สุด แต่ดูคุณจะมีความมั่นใจในตัวเองน้อยไปนิด และขี้เหงาไม่ใช่เล่น เขินแล้วทำตัวบ้าๆ บอๆ ลึกๆ แล้วคุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณกำลังปิดบังความเป็นตัวของคุณอยู่ ไม่อยากและไม่ชอบให้ใครรู้ว่าคุณกำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไรในเวลานั้น แต่คุณไม่ใช่คนเงียบเสียทีเดียว เมื่อคุณพูด ทุกคำที่ออกมาจากปากจะตรึงผู้ฟังโดยรอบให้ตกอยู่ในมนต์เสน่ห์ของคุณ คุณเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และเกลียดการบังคับเป็นชีวิตจิตใจ เขินแล้วตัวเย็นเฉียบ อันนี้ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นคนเย็นชา หรือเฉยเมยเลยสักนิด ตรงกันข้าม คุณเป็นคนที่ชอบเอาใจใส่กับบุคคลรอบข้าง แบ่งปันความรักและความห่วงใยแก่คนเหล่านั้นเสมอ เป็นคนโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก แต่แปลกตรงที่ คุณมักไม่ชอบตีสนิทกับใครเป็นพิเศษ เขินแล้วพูดอะไรไม่ถูก อาจเป็นเพราะคุณประหม่ามากเกินไปถึงเกิดอาการแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ใครต่อใครห่างเหินคุณ เพราะปกติคุณเป็นคนมีน้ำใจให้กับเพื่อนฝูงและคนรอบข้าง ยิ้มแย้มอยู่เสมอ แต่คุณก็ไม่ใช่คนที่จริงจังกับชีวิตมากนัก ออกจะสับสน และชอบลังเล คุณเป็นคนฉลาด แต่ออกจะไม่ทันคนเท่าใดนัก |
ทำไมคนเหมือนกัน
แต่ไม่เหมือนกัน
Once upon a time มีพระราชาองค์หนึ่งเดินทางเพื่อไปเยี่ยมเยียนราษฎร โดยมีทหารรับใช้หลายนายเดินทางร่วมด้วย และมีทหารที่เดินติตามนายหนึ่ง ตะโกนออกมาตลอดทางว่า "คนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน" "คนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน" "คนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน" ซึ่งเป็นเพราะว่า มีทหารระดับเดียวกันไม่ต้องเดินเท้า แต่ขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวร่วมกับพระราชา คอยพัดวีให้ จึงทำให้พลทหารเดินเท้าเกิดความไม่พอใจ ทั้งๆ ที่ระดับเดียวกันแต่ทำไมจึงมีความแตกต่างกัน …. "คนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน" "คนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน" ….จนมาถึงที่พักแห่งหนึ่ง พระราชาจึงให้ทหารผู้นั้นเข้าเฝ้า และสอบถาม พระราชา : "ตลอดทางที่เดินทาง ข้าได้ยินเจ้าตะโกนว่า "คนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน" "คนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน"… …ตลอดทาง เจ้าหมายความว่าอย่างไร" ทหาร 1 : ได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่ยอมพูดจา พระราชา : "งั้นเจ้าลงไปดูทีซิว่า ข้างล่างเนี่ยมันมีอะไร" ทหารผู้นั้นจึงรีบรุดไปดูอย่างรวดเร็ว พร้อมกลับเข้ามาในเวลาไม่นาน แล้วรายงานต่อพระราชาว่า ทหาร 1 : มีไก่อยู่พะยะค่ะ พระราชา : อ๋อ ไก่เหรอ, แล้วมีกี่ตัวล่ะ ทหารผู้นั้นจึงรีบรุดไปดูอย่างรวดเร็วอีกครั้ง พร้อมกลับเข้ามารายงานต่อว่า ทหาร 1 : มีไก่อยู่ 5 ตัวพะยะค่ะ พระราชา : ฮึมมม แล้วมีตัวเมียกี่ตัว ตัวผู้กี่ตัวล่ะ ทหารผู้นั้นจึงรีบรุดไปดูอย่างรวดเร็วอีกครั้ง พร้อมกลับเข้ามารายงานต่ออีกว่า ทหาร 1 : เป็นตัวเมีย 3 ตัว ตัวผู้ 2 ตัวพะยะค่ะ พระราชา : ฮึมมมม แล้วตัวเมียเนี่ย มีสีอะไรบ้าง มิชักช้า ทหารผู้นั้นจึงรีบรุดไปดูอย่างรวดเร็วอีกครั้ง พร้อมกลับเข้ามาโดยมีอาการเหนื่อยหอบ และรายงานต่ออีกว่า ทหาร 1 : ตัวเมีย 3 ตัว ทุกตัวมีขนสีดำเป็นหลัก แต่มีตัวเมียอยู่ตัวหนึ่งมีขนสีเขียวและส้มขึ้นแซมพะยะค่ะ พระราชา : ฮึมมมม แล้วไก่เหล่านั้นกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ โดยมิชักช้า ทหารผู้นั้นจึงรีบรุดไปดูอย่างรวดเร็วอีกครั้ง พร้อมกลับเข้ามาโดยมีอาการเหนื่อยหอบ และรายงานต่ออีกว่า ทหาร 1 : ไก่กำลังคุ้ยเขี่ยอาหารอยู่พะยะค่ะ พระราชา : ฮึมมมม……….. ทันใดนั้นพระราชาจึงเรียกทหารผู้ที่ได้นั่งอยู่บนเกี้ยวระหว่างเดินทางนั้นเข้ามาบ้าง ทหาร (2) : มีธุระอันใดให้ข้าฯ ได้รับใช้ พะยะค่ะ พระราชา : "เจ้าลองลงไปดูทีซิว่า ข้างล่างเนี่ยมันมีอะไร" ทหาร (2) จึงรีบรุดไปดูอย่างรวดเร็ว พร้อมกลับเข้ามา และรายงานต่อพระราชาว่า ทหาร (2) : "มีไก่อยู่ 5 ตัวพะยะค่ะ เป็นตัวเมีย 3 ตัว ตัวผู้ 2 ตัว กำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่พะยะค่ะ และนอกจากนั้น ทุกตัวมีขนสีดำเป็นหลัก แต่มีตัวเมียอยู่ตัวหนึ่งมีขนสีเขียวและส้มขึ้นแซม สวยงามมากพะยะค่ะ และเท่าที่สังเกตดู จะมีตัวเมียอยู่ตัวหนึ่งที่คาดว่า รุ่งเข้าพรุ่งนี้น่าจะออกไข่พะยะค่ะ" จากนั้น พระราชาจึงหันไปทางทหาร (1) ผู้นั้น แล้วกล่าวว่า "คราวนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังล่ะว่า ทำไมคนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน" ฝ่ายทหารผู้นั้นจึงได้แต่ก้มหน้านิ่ง……... เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า หลายๆ คร้งและหลายๆ คน ชอบนำตนไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น โดยมองเพียงมุมเดียว คือ มุมที่มองแล้วตนเองได้เปรียบ หากคนเรานั้นมองอะไรก็ตามทั้งสองด้าน ก็จะพบว่า คนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกันนั้น เป็นความแตกต่างที่เราควรจะยอมรับ และนอกจากนั้นแล้ว ยังไม่ได้พิจารณาให้ถ่องแท้ว่าจริงๆ แล้ว ผู้อื่นนั้นมีอะไรดีกว่าตัวเราเองหลายอย่าง ดังนั้น หากเราลองทำใจเป็นกลาง จะพบว่า นิ้วมือของเราเองนั้นทั้ง 5 นิ้ว ก็ยังสั้นยาวไม่เท่ากัน ประโยชน์ใช้สอยก็ต่างกัน แต่เราก็พยายามดูแลนิ้วทั้งห้านี้ อย่างเท่าเทียมกัน แต่เมื่อเรานำไปเปรียบเทียบกับนิ้วเท้า เราก็จะพบอีกว่ามี 5 นิ้วเหมือนกัน ประโยชน์ก็มีแตกต่างกัน |
เรื่องเกี่ยวกับการสวมแหวน
หากคุณได้แหวนมาวงหนึ่ง คุณต้องตัดสินใจเลือกว่าจะสวมบนลงนิ้วไหน นิ้วที่คุณเลือก คือคำตอบ ของนิสัยคุณ... นิ้วชี้ คุณเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีความเป็นผู้นำที่ดีมาก นิ้วกลาง คุณยึดติดความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมเปิดรับความคิดของผู้อื่นแต่คุณจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความรักมาก ชีวิตการแต่งงานจะมั่นคง อีกทั้งยังเป็นคนรักสันโดษ นิ้วนาง คุณเหมือนกำลังจะบอกใครต่อใครว่าคุณอยากมีความรัก จึงใส่แหวนนิ้วนางไว้คอยเวลาแต่ถ้าคุณใส่แหวน ที่นิ้วนางมือขวาแสดงว่าคุณเคยมีแฟนมาแล้ว และตอนนี้ก็พร้อมที่จะเปิดหัวใจให้คนใหม่อีกด้วย นิ้วก้อย คุณค่อนข้างอ่อนแอ แต่ก็อ่อนหวานในเวลาเดียวกัน น่ารัก โรแมนติก และจริงใจคุณมองโลกในแง่ดีจนเกินไปจนกลายเป็นข้อด้อยของตัวเอง
****************************
|
ทายนิสัยจากอักษรนำหน้าชื่อ
|
*******************************