ความรัก...กับสิ่งที่มิอาจทดแทนได้ตลอดชีวิต
ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อยได้มั๊ยคะ"คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น
เมื่อห่อผ้าน้อย ๆอยู่ในอ้อมกอดเธอ เธอค่อย ๆคลี่ผ้าที่ห่อออกเพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ เธอกรีดร้อง หมอต้องอุ้มเด็กออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กทารกที่เกิดมาไม่มีใบหู
กาลเวลาพิสูจน์ว่าการได้ยินของเจ้าหนูไม่มีปัญหา
ปัญหามีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอกคือใบหูที่หายไป
หลายครั้งที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียนแล้ววิ่งมาบอกแม่
เธอรู้ว่าหัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน เจ้าหนูพูดโพล่งออกมาอย่างน่าเศร้า "พวกเด็กตัวโต พวกมันล้อผมว่า "ไอ้ตัวประหลาด"
เจ้าหนูเติบโตขึ้นหล่อเหลา เป็นที่รักของเพื่อน ๆ เค้ามีพรสวรรค์ในด้านอักษรศาสตร์ วรรณคดี และดนตรี เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น... "ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก" แม่กล่าวด้วยความสงสาร
พ่อของเด็กชายปรึกษากับหมอประจำครอบครัว
"ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาคแต่ใครล่ะจะเสียสละใบหูเพื่อเด็กน้อยคนนี้" คุณหมอกล่าว
2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย "ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่หาคนบริจาคใบหูที่ลูกต้องการได้แล้วแต่นี่เป็นความลับ"
การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี คนคนใหม่เกิดขึ้น เค้ากลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ เป็นอัจฉริยะในโรงเรียนในวิทยาลัย จนเป็นที่กล่าวขานกันรุ่นต่อรุ่น ต่อมาได้แต่งงานและทำงานเป็นข้าราชการในสถานทูต
วันหนึ่งชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อ "พ่อครับใครเป็นคนมอบใบหูให้ผม ใครช่างให้ผมได้มากมายแต่ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อเค้าได้เลยสักนิด" "พ่อไม่เชื่อว่าลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอกเรื่องนี้เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว" พ่อตอบ
หลายปีที่มันยังคงเป็นความลับ แต่แล้ววันหนึ่งวันที่มืดมิดที่สุดผ่านเข้ามาในชีวิตลูกชาย เค้ายืนข้างพ่อใกล้หีบศพของแม่ พ่อค่อย ๆลูบผมแม่อย่างช้าๆ และนุ่มนวลผมสีน้ำตาลแดงถูกเสยขึ้นจนมองเห็น ....
แม่ไม่มีใบหู... ใบหูของแม่ถูกตัดไป.. พ่อกระซิบผ่านลูกชาย "แม่บอกพ่อว่าเธอดีใจที่ได้ทำอย่างนี้เธอไม่เคยตัดผมอีกเลย ไม่มีใครมองเห็นว่าเธอไม่สวยจริงมั๊ย
" จงจำไว้"สิ่งมีค่าที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่การมองเห็นหากแต่อยู่ที่สิ่งที่เรามองไม่เห็น
ความรักที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่เราได้ทำอะไรแล้วมีคนรับรู้หากแต่อยู่ที่สิ่งที่เรากระทำแล้วไม่มีใครรับรู้ ความรัก บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดพร่ำเพรื่อ
อ่านบทความนี้แล้วลองกลับมาคิด
ถ้าพรุ่งนี้เราตายไปบริษัทสามารถหาคนมาแทนเราได้ภายในไม่กี่วัน แต่ครอบครัวเราต้องสูญเสีย และคิดถึงเราไปตลอด เราใช้ชีวิตกับการทำงานมากกว่าครอบครัว หรือเพื่อชีวิตตนเองหรือเปล่า เป็นการลงทุนที่ไม่ฉลาดเลยจริงๆ
ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อยได้มั๊ยคะ"คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น
เมื่อห่อผ้าน้อย ๆอยู่ในอ้อมกอดเธอ เธอค่อย ๆคลี่ผ้าที่ห่อออกเพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ เธอกรีดร้อง หมอต้องอุ้มเด็กออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กทารกที่เกิดมาไม่มีใบหู
กาลเวลาพิสูจน์ว่าการได้ยินของเจ้าหนูไม่มีปัญหา
ปัญหามีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอกคือใบหูที่หายไป
หลายครั้งที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียนแล้ววิ่งมาบอกแม่
เธอรู้ว่าหัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน เจ้าหนูพูดโพล่งออกมาอย่างน่าเศร้า "พวกเด็กตัวโต พวกมันล้อผมว่า "ไอ้ตัวประหลาด"
เจ้าหนูเติบโตขึ้นหล่อเหลา เป็นที่รักของเพื่อน ๆ เค้ามีพรสวรรค์ในด้านอักษรศาสตร์ วรรณคดี และดนตรี เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น... "ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก" แม่กล่าวด้วยความสงสาร
พ่อของเด็กชายปรึกษากับหมอประจำครอบครัว
"ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาคแต่ใครล่ะจะเสียสละใบหูเพื่อเด็กน้อยคนนี้" คุณหมอกล่าว
2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย "ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่หาคนบริจาคใบหูที่ลูกต้องการได้แล้วแต่นี่เป็นความลับ"
การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี คนคนใหม่เกิดขึ้น เค้ากลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ เป็นอัจฉริยะในโรงเรียนในวิทยาลัย จนเป็นที่กล่าวขานกันรุ่นต่อรุ่น ต่อมาได้แต่งงานและทำงานเป็นข้าราชการในสถานทูต
วันหนึ่งชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อ "พ่อครับใครเป็นคนมอบใบหูให้ผม ใครช่างให้ผมได้มากมายแต่ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อเค้าได้เลยสักนิด" "พ่อไม่เชื่อว่าลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอกเรื่องนี้เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว" พ่อตอบ
หลายปีที่มันยังคงเป็นความลับ แต่แล้ววันหนึ่งวันที่มืดมิดที่สุดผ่านเข้ามาในชีวิตลูกชาย เค้ายืนข้างพ่อใกล้หีบศพของแม่ พ่อค่อย ๆลูบผมแม่อย่างช้าๆ และนุ่มนวลผมสีน้ำตาลแดงถูกเสยขึ้นจนมองเห็น ....
แม่ไม่มีใบหู... ใบหูของแม่ถูกตัดไป.. พ่อกระซิบผ่านลูกชาย "แม่บอกพ่อว่าเธอดีใจที่ได้ทำอย่างนี้เธอไม่เคยตัดผมอีกเลย ไม่มีใครมองเห็นว่าเธอไม่สวยจริงมั๊ย
" จงจำไว้"สิ่งมีค่าที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่การมองเห็นหากแต่อยู่ที่สิ่งที่เรามองไม่เห็น
ความรักที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่เราได้ทำอะไรแล้วมีคนรับรู้หากแต่อยู่ที่สิ่งที่เรากระทำแล้วไม่มีใครรับรู้ ความรัก บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดพร่ำเพรื่อ
อ่านบทความนี้แล้วลองกลับมาคิด
ถ้าพรุ่งนี้เราตายไปบริษัทสามารถหาคนมาแทนเราได้ภายในไม่กี่วัน แต่ครอบครัวเราต้องสูญเสีย และคิดถึงเราไปตลอด เราใช้ชีวิตกับการทำงานมากกว่าครอบครัว หรือเพื่อชีวิตตนเองหรือเปล่า เป็นการลงทุนที่ไม่ฉลาดเลยจริงๆ