1.   Don’t
sweat the small stuff : อย่าเหงื่อตกกับเรื่องรกสมอง
       เป็นการพยายามไม่ใส่ใจกับเรื่องจุกจิกเล็กๆน้อยๆที่จะนำความลำคาญใจมาให้
เช่น บนท้องถนนอาจมีคนพยายามขับรถตัดหน้าเราไป
แทนที่เราจะมัวไปโมโหกับเรื่องนี้เราก็ควรปล่อยให้ผ่านไป 
แล้วนำเวลาไปใช้คิดถึงเรื่องต่างๆที่เราจะทำในวันนั้นดีกว่า
2.   Make
peace with imperfection : ใช้ความสงบสยบความ    
ไม่สมบูรณ์แบบ
            คนส่วนใหญ่มักไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่หรือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เช่น 
     น้ำหนักส่วนเกินที่อยากลด รอยขีดข่วนบนตัวถังรถ วิธีที่ว่านี้เป็นวิธีตระหนัก
     ในความจริงที่ว่าแม้จะมีวิธีการทำสิ่งต่างๆให้ดีกว่าอยู่เสมอ แต่ก็ไม่หมาย
     ความว่าเราไม่สามารถพอใจและชื่นชมกับสิ่งที่เป็นอยู่ได้ เคล็ดลับของกลวิธีนี้
     คือพยายามผลักตัวเองให้พ้นนิสัยดึงดันให้สิ่งต่างๆต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขจาก
     สิ่งที่มันเป็น บอกตัวเองว่าชีวิตยังดำเนินไปด้วยดี  แม้ปราศจากความเห็นของ
     ท่านทุกอย่างก็ยังดำเนินไปได้ โปรดระลึกไว้ว่าทันทีที่เริ่มจำกัดความต้องการที่
     จะทำทุกอย่างในชีวิตให้สมบูรณ์แบบ ท่านก็จะเริ่มค้นพบความสมบูรณ์แบบใน
     ชีวิตด้วยตัวท่านเอง
3.Let go of the idea that gentle , relaxed people 
Can’t be superachievers
: เลิกความคิดที่ว่าอ่อนโยนเรียบง่ายไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
         หลายคนคิดว่าความรีบร้อนกระวนกระวาย ชอบแข่งขันก็คือความกลัวที่ว่าหากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข จะทำให้เราไปไม่ถึงหลักชัยกลายเป็นคนเกียจคร้านและเฉื่อยชา แต่ในความเป็ยจริงความหวาดกลัวและวิตกกังวลต่างหากที่ทำให้สูญเสียพลังงาน บั่นทอนความคิดสร้างสรรค์รวมทั้งกำลังใจจากชีวิต
ดั้งนั้นจงจำไว้ว่า “เมื่อใดที่ท่านมีสิ่งที่ต้องการ(สันติสุขในใจ) ท่านจะไม่ค่อยถูกรบกวนจากความต้องการ ความปรารถนา และความฝักใฝ่ของตนเองมากนัก ทำให้ง่ายที่จะมุ่งมั่นสู่เป้าหมายให้เร็วขึ้นและพร้อมที่จะตอบแทนผู้อื่นมากด้วยเช่นกัน”
4.   Be
aware of the snowball effect of your thinking : ระวังผลกระทบแบบลูกกลิ้ง จากความคิดที่ไม่ยอมหยุดนิ่งของตัวเอง
            เป็นการตระหนักว่าความคิดเชิงลบและความประหวั่นพรั่นพรึงสามารถ
     แผ่อิทธิพลร้ายของมันได้รวดเร็วเพียงใด  ยิ่งท่านติดอยู่ในห้วงความนึกคิด
     เชิงลบมากขึ้นเท่าใด ท่านก็ยิ่งรู้สึกเลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น วิธีแก้ไขปัญหานี้ก็คือ
     สังเกตว่าอะไรเกิดขึ้นกับจิตใจก่อนที่ความคิดของท่านจะมีโอกาสสร้างความคิดน่ารักเยือกเย็นยิ่งขึ้น ยิ่งมีความอดทนมากขึ้นเท่าไรท่านยิ่งยอมรับ
เป็นคนแรกที่เป็นฝ่ายแสดงความรักหรือเป็นฝ่ายเริ่ม
การจริงจังกับบางเรื่องจนเกินไปแท้จริงแล้วเรื่องที่เรากำลังวิตก
เสียบ้าง
อยากขอบคุณ
นึกภาพว่าผู้คนในชีวิตเป็นทารกเล็กๆหรือไม่ก็คนชราอายุร้อยปี
ฉลาด
สอบอย่างหนึ่ง
หรือการตำหนิย่อมมีค่าเท่ากัน
ซึ่งความเมตตาเป็นครั้งคราว
เห็น
กว่าพิสูจน์ว่าข้าถูก
จริงแต่ละอย่างที่ต่างกัน
เหลือของท่านเอง
Something you like, admire, or appreciate
วิพากษ์วิจารณ์
และจงยินดีแม้ไม่สบายใจ
การขับรถลง
เปลี่ยนบทที่ร้อนรนเป็นบทที่รื่นรมย์แทน
ใส่ใจความคิดในแง่ลบของตนเอง
ยินดีที่จะเรียนรู้จากญาติสนิทมิตรสหาย
ผนวกการให้บริการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
Argument, rather than defend your position
ให้คำจำกัดความวลีที่ว่า”ความสำเร็จที่มีความหมาย”เสียใหม่
เท่านั้น
คิดที่ว่ายิ่งมากยิ่งดี
มองหาความไม่ธรรมดาจากความธรรมดา
     ถัดไป ยิ่งท่านสามารถรู้ทันความคิดของตัวเองเร็วเท่าใด ท่านจะยิ่งหยุด
     ความคิดที่กำลังจะเกิดถัดไปได้เร็วขึ้นเท่านั้น  โปรดระลึกไว้ว่าการเก็บความคิด
     ที่ว่าตัวเองมีงานยุ่งมากเพียงไรไว้ในแฟ้มสมองของคุณรังแต่จะทำให้คุณมี
     ความเครียดมากยิ่งขึ้น
5.   Develop
your compassion : มาพัฒนาความเมตตากันเถอะ
       ความเมตตาคือความรู้สึกเห็นใจผู้อื่นเป็นความตั้งใจที่จะเอาใจเขามาใส่ใจ
     เราความเข้าใจนี้จะนำความเมตตามาสู่บุคคลนั้น การพยายามช่วยเหลือทำให้
     เราได้เปิดประตูหัวใจไปสู่ผู้อื่นและเพิ่มพูนความรู้สึกสำนึกในคุณความดีของ
     เพื่อนมนุษย์
6.  Remind yourself that
when you die, your  
   “ work in basket” won’t
be empty: เตือนตัวเองว่าแม้
     เราจะตายไปแล้ว “งานในตะกร้า” ก็ยังไม่มีวันหมดสิ้น
             โปรดจำไว้ว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับความสุขสงบในใจของท่านเอง หาก
     มัวติดอยู่กับว่าต้องทำสิ่งต่างๆ ให้เสร็จโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
     แล้ว ชีวิตท่านจะไม่มีวันสมบูรณ์ ที่จริงแล้วทุกสิ่งย่อมมีการชะลอได้ มีเพียง
     บางงานที่เร่งด่วนจริงๆและหากท่านสนใจต่อหน้าที่แล้วงานต่างๆย่อมเสร็จ
     ในเวลาอันควร “โปรดจำไว้ว่าแม้ท่านสิ้นลมหายใจแล้วก็ยังจะมีธุรกิจการงาน
     ต่างๆที่ต้องมีคนทำต่อ และไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องมีคนทำแทนท่านจนได้
     ดังนั้นอย่ามัวเสียเวลาอันมีค่าในชีวิตเพื่อนั่งเสียใจในสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อ
     ไป”
7.   Don’t
interrupt others or finish their sentence
: อย่าสอดแทรกหรือตัดบทสนทนาของผู้อื่น
       เมื่อเริ่มสังเกตว่าตัวเองกำลังขัดคอผู้อื่น ท่านจะะเห็นว่าพฤติกรรมเช่นนั้นเป็นเพียงแนวโน้มทางลบที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว จนกลายเป็นนิสัยที่ทำไปโดยปราศจากความตั้งใจ พยายามเตือนตัวเอง ให้อดทนและคอยจนกว่าอีกคนจะพูดจบ ท่านจะสังเกตเห็นในทันทีว่าสัมพันธภาพกับผู้อื่นจะดีขึ้นเพียงใดในการกระทำง่ายๆเท่านี้ เพราะเขารู้สึกว่าท่านสนใจและรับฟังเขา
8.   Do
something nice for someone else and don’t tell anyone about it: ทำสิ่งดีๆให้ผู้อื่นโดยไม่บอกให้ใครรู้
               เรามักรู้สึกปลื้มใจเมื่อได้ทำความดีบางอย่าง ดังนั้นแทนที่จะทำให้
     ความรู้สึกนั้นลดลงด้วยการเล่าให้ใครฟัง ท่านก็เก็บความรู้สึกนั้นไว้กับตัว
     แล้วความรู้สึกทั้งหมดก็จะอยู่กับท่านไปอีกนาน
9.   Let’s
others have the glory: ปล่อยให้คนอื่นเด่นดังเสียบ้าง
         แม้เป็นนิสัยที่แก้ยากแต่จะทำให้ท่านรู้สึกรื่นรมย์ สงบสุข และมั่นใจในตน
     เองอย่างเงียบๆที่สามารถลดความรู้สึกอยากเป็นที่สนใจของใครๆมาเป็นการ
     ร่วมชื่นชมในความเด่นดังของผู้อื่นแทน ผู้ที่ท่านสนทนาด้วยจะรู้สึกพึงพอใจ
     เนื่องจากท่านสนใจฟังสิ่งที่เขาพูด ทั้งยังทำให้ไม่รู้สึกว่าเป็นคู่แข่งกับท่าน ผลก็
     คือบุคคลนั้นรู้สึกผ่อนคลายเมื่อยู่ใกล้ท่าน ตัวท่านเองก็จะรู้สึกผ่อนคลายเช่น 
     กัน
10.
Learn to live in the present moment: เรียนรู้ที่จะมี
       ชีวิตอยู่เพื่อปัจจุบัน
                การที่ปล่อยให้ปัญหาในอดีตและความห่วงใยในอนาคตครอบงำ 
       ปัจจุบัน จะทำให้กลายเป็นคนวิตกกังวล เครียด และสิ้นหวัง ขณะเดียวกันก็ 
       ยังเลื่อนโอกาสที่จะรื่นรมย์กับชีวิตออกไปเรื่อยๆ เพื่อการต่อสู้กับความหวาด
       กลัว คือควรเรียนรู้ที่จะนำความสนใจมาสู่ปัจจุบัน
11.
Imagine that everyone enlightened except you
      : จินตนาการว่าทุกคนตรัสรู้หมดแล้วยกเว้นท่าน
                ท่านจะพบว่าวิธีนี้ท่านจะรู้สึกรำคาญ ขุ่นเคือง และโมโหน้อยลงเนื่อง
       จากการกระทำและความไม่สมบูรณ์แบบของผู้อื่น ท่านจะสามารถสร้างนิสัย
       การมองโลกในแง่ดีขึ้นทาได้
12.    
Let’s the others be “right” most of the time:
ปล่อยให้ผู้อื่นเป็นฝ่ายถูกเป็นส่วนใหญ่
                กลวิธีที่วิเศษและน่าประทับใจอย่างหนึ่งคือปล่อยให้ผู้อื่นเป็นฝ่ายถูก  
         จะทำให้คุณเป็นคนเยือกเย็นและน่ารัก เลิกนิสัยแก้ไขใครต่อใครเสีย แม้จะ 
        ไม่ใช่ เรื่องง่ายแต่ก็คุ้มค่าแก่การพยายาม
13.    
Become more patient: ฝึกให้อดทนยิ่งขึ้น
           ความรู้จักอดทนช่วยให้ท่านเดินเข้าใกล้เป้าหมายการเป็นคนสงบ
        สิ่งต่างๆที่เป็นอยู่ได้มากขึ้นเท่านั้น
14.    
Create “ Patience practice periods”: หาช่วงฝึกความอดทน
            ท่านสามารถเริ่มได้โดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อยสัก5นาทีเพื่อเสริมสร้าง
        ความอดทนให้มากขึ้น ท่านจะพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านนั้นน่ามหัศจรรย์
        ยิ่ง ความตั้งใจที่จะอดทนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านรู้ตัวว่าจะทำเช่นนั้น
        จะสามารถเสริมสร้างความอดทนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นในทันที
15.    
Be the first one to act loving or reach out:จง
              เมื่อใดก็ตามที่ความโกรธเข้าครอบงำ เราได้เปลี่ยนเรื่องเล็กน้อยให้เป็น
        เรื่องใหญ่ในใจของเราเอง หากต้องการเป็นคนเยือกเย็น ท่านต้องเข้าใจว่า 
        การเป็นฝ่ายถูกเกือบจะไม่สำคัญไปกว่าการการปล่อยให้ตัวเองมีความสุข
        สงบอย่างแท้จริงในจิตใจ วิธีที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขได้ก็คือปล่อยให้เรื่อง 
         ไร้สาระผ่านเลยไปและยอมเป็นฝ่ายเริ่มต้น
16.    
Ask yourself the question, “Will this matter  
     a  year
from now?”: ถามตัวเองว่า “ เรื่องนี้จะยังสำคัญหรือไม่
       ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า”
         กังวลอยู่นั้นอาจเป็นเพียงเรื่องไร้สาระเมื่อเวลาผ่านไป
17.    
Surrender to the fact that life isn’t fair: ยอม 
  รับความจริงที่ว่าไม่มีอะไรยุติธรรมในชีวิต
                   ข้อดีของการยอมรับความจริงที่ว่าไม่มีอะไรยุติธรรมในชีวิตก็คือ
        จะทำให้ไม่มัวเสียใจกับตัวเอง แต่กลับช่วยจูงใจให้เราพยายามทำสิ่งต่างๆ 
        อย่างดีที่สุด
18.     
Allowed yourself to be bored: อนุญาติให้ตัวเองรู้สึกเบื่อ
                 เมื่อท่านอนุญาติให้ตัวเองรู้สึกเบื่อเสียบ้าง จะช่วยลดความกดดันที่
        เคยทำให้ท่านต้องทำโน่นทำนี่ไม่หยุดหย่อนในแต่ละวินาที่
19.  Lower your tolerance to
stress: ลดระดับความอด   
         กลั้นต่อความกดดัน
                  เมื่อลดระดับการอดกลั้นต่อความกดดันได้ท่านจะพบว่าตัวเองมี
         ความเครียดน้อยลงสุขภาพจิตก็จะดีขึ้นด้วย
20.      
   Once a week write a
heartfelt letter: เขียน
      จดหมายระบายความรู้สึกอาทิตย์ละครั้ง
                 เพื่อระบายความรู้สีกที่อยู่ภายในจิตใจออกมา จะเป็นเรื่องที่ดีหรือ
         ไม่ก็ได้
21.      
  Imagine yourself at your
own funeral: ลองนึก
      ภาพว่ากำลังยืนอยู่หน้าโลงศพตัวเอง
               เป็นวิธีสากลที่ใช้ได้ผลในการเตือนสติตัวเอง ท่านจะพบว่านี่เป็นวิธี
         ปลุกสติตัวเองให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้
         อย่างดีที่สุด
22.Repeat to
yourself, “Life isn’t an  
      emergency”: บอกกับตัวเองบ่อยๆว่า “ชีวิตไม่ใช่การเร่งด่วน”
           
คนเรามักใส่ใจกับเป้าหมายของตัวเองมากเกินไป จนลืมนึกถึง
         ความสนุกสนานระหว่างเดินทางไปสู่เป้าหมาย ทำตัวตามสบายและปล่อย
         บางอย่างที่ไม่สำคัญผ่านไปเสียบ้าง จะเป็นประโยชน์มากถ้าท่านจะเตือน
         สติและบอกกับตัวเองบ่อยว่าชีวิตไม่ใช่ความเร่งด่วน
23. Experiment with
your back burner: เลียนแบบการ
 
ทำงานของเตาหุงต้มอาหาร
                  วิธีนี้จะทำให้ท่านสามารถแก้ปัญหาหลายๆอย่างพร้อมกับช่วยลด
       ความกดดันและการใช้พลังงานมากมายในการแก้ไขปัญหาต่างๆให้ลดลง
       ได้
24.  
Spend the moment everyday thinking of
someone   to thank:ใช้เวลาวันละนาทีคิดถึงใครบางคนที่ท่าน
            ถ้าท่านตื่นมายามเช้าด้วยความรู้สึกสำนึกในคุณความดีของบุคคลหรือสิ่งดีงามต่างๆที่เข้ามาในชีวิตจะพบว่าเป็นเรื่องยากที่ท่านจะรู้สึกหรือคิดถึงเรื่องอื่นได้นอกจากความสงบสุขอย่างแท้จริง
25.  
Smiles at the strangers, look into their eyes
and  say hello: ยิ้มให้คนแปลกหน้ามองตาแล้วทักคำว่าสวัสดี
        หากมองเห็นความบริสุทธิ์ใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ท่านจะเกิดความรู้สึกสุขสงบในใจอย่างลึกซึ้งที่สุด
26.  
Set aside quiet time everyday: หาเวลาเงียบๆให้ตัว
เองทุกวัน
                   ความเงียบจะทำให้เรารู้สึกสงบและผ่อนคลาย ถ้าทำในตอนเช้า
       หลังตื่นนอนจะทำให้เริ่มวันใหม่อย่างสดชื่นอีกด้วย
27.  
Imagine the people in your life as tiny 
infants and as
one-hundred-year-old adults:
             ท่านสามารถปรับเปลี่ยนเทคนิคนี้ไปใช้ได้หลายสถานการณ์ และทำให้ท่านเกิดมุมมองและความเมตตาที่หลากหลายยิ่งขึ้น หากเป้าหมายการใช้ชีวิตคือความสงบสุขและเปี่ยมด้วยรักและเมตตาเราคงไม่ต้องการกระตุ้นความรู้สึกทางลบต่อผู้อื่นให้มีมากขึ้นใช่หรือไม่
28.  
Seek first to understand:พยายามทำความเข้าใจเสียก่อน
              เมื่อท่านลองนำวิธีนี้ไปทำดู ผู้ที่ท่านติดต่อด้วยจะรู้สึกว่าท่านรับ
       ฟังและเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ความรู้สึกนี้จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ในทางบวก
       และดียิ่งขึ้น
29.  
Become the better listener: พยายามเป็นผู้ฟังที่ดี
การพยายามเป็นผู้ฟังที่ดีจะช่วยให้ท่านมีความอดทนเยือกเย็นและรอบคอบยิ่งขึ้นและยังช่วยเพิ่มสัมพันธภาพของท่านกับผู้อื่นด้วย
30.  
Choose your battles wisely: เลือกสนามยุทธอย่างชาญ
            เป็นสุภาษิตที่นำมาใช้เตือนใจให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข สุภาษิตนี้ชี้ให้เห็นว่าชีวิตเต็มไปด้วยโอกาสต่างๆที่เราเป็นคนเลือกว่าจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่หรือปล่อยให้มันผ่านไปอย่างผู้ตระหนักความจริงว่ามันไม่ใช่สิ่งสำคัญหากรู้จักเลือกสนามรบอย่างชาญฉลาดแล้ว ท่านจะใช้ชีวิตอย่างทรงประสิทธิผล และสมารถกำชัยชนะในสิ่งสำคัญต่างๆได้อย่างแท้จริง
31.  
Become aware of your moods and don’t 
allowed yourself to be
fooled by the low ones: ระวังอย่าให้อารมณ์ครอบงำโดยเฉพาะอารมณ์เสีย
       ความจริงแล้วชีวิตไม่เคยมีอะไรเลวร้ายมากมายเหมือนที่เราคิดเมื่อยามอารมณ์เสีย ดังนั้นแทนที่จะติดอยู่ในวังวนอารมณ์ของตัวเอง ควรเตือนตัวเองให้มองชีวิตตามความเป็นจริง
32.  
Life is a test. It is only a test: ชีวิตเป็นเพียงการทด
          หากท่านมองชีวิตและความท้าทายเป็นดั่งแบบทดสอบ ท่านจะเห็ฯว่าสิ่งต่างๆที่กำลังเผชิญอยู่เป็นโอกาสที่จะได้เจริญเติบโตและก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง 
33.  
Praise and blame are all the same: การชมเชย
           ถ้าเราสามารถยอมรับความจจริงที่ว่าเราไม่สามารถทำให้ทุกคนยอมรับเราได้ทั้งหมดเร็วเท่าใด ชีวิตเราจะยุ่งยากน้อยลงเท่านั้น ยิ่งมีความมั่นใจในตัวเองเท่าไร ความรู้สึกที่จะยึดติดกับการยอมรับของผู้อื่นจะยิ่งน้อยลงเท่านั้น
34.  
Practice random acts of kindness: ฝึกแสดงออก
           รางวัลของการกระทำที่แสดงถึงความปรานีคือการทำให้ท่านมีความรู้สึกในทางบวกและช่วยเตือนใจให้ท่านนึกถึงแง่มุมสำคัญของชีวิตนั่นคือการให้ความรัก ความเมตตา หากเราทุกคนต่างทำส่วนของเราแล้วไม่ช้าเราจะได้อาศัยอยู่ในโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น
35.  
Look beyond behavior: มองให้ลึกซึ้งกว่าเพียงพฤติกรรมที่
          โลกที่เราอาศัยอยู่นี้จะน่าอยู่ยิ่งขึ้นถ้าเราถือว่าพฤติกรรมของใครบางคนที่เรารับไม่ได้เป็นเพียงพฤติกรรมของวัยรุ่นจอมกวน
36.  
See the innocence: มองเห็นความบริสุทธิ์ในตัวมนุษย์
          การมองเห็นความบริสุทธิ์ใจเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
และเรียนรู้ว่าพฤติกรรมของคนอื่นที่เราไม่ชอบใจนั้นมาจากสาเหตุอะไร
เมื่อไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับการกระทำของผู้อื่นอีกต่อไปท่านก็จะมีเวลาใส่ใจกับชีวิตตัวเองมากขึ้น
37.  
Choose being kind over being right: เลือกเมตตาดี
            ท่านมีโอกาสมากมายในการชี้ให้ใครต่อใครเห็นถึงข้อผิดพลาดหรือแสดงให้เห็นว่าเราถูกเขาผิดซึ่งท่านอาจจะรู้สึกดีเมื่อท่านได้ทำเช่นนั้น แต่ลึกๆลงไปแล้วท่านจะรู้สึกว่าไม่สบายใจหลังจากตำหนิเขาไปแล้วมากกว่าตอนก่อนตำหนิ ความเมตตาในจิตใจท่านรู้ดีว่าท่านไม่สามารถสบายใจได้เมื่อทำให้คนอื่นแย่ลง ดังนั้นถ้าท่านอยากมีความสงบสุขในชีวิตจงเลือกที่จะเป็นคนเมตตามากว่าคนถูก
38.  
Tell three people (today) how much you love
them: บอกคนสามคน(ในวันนี้)ว่าท่านรักพวกเขา
            ใครจะรู้ว่าตัวเองกำลังรอคอยอะไรอยู่
บางทีเราก็อยากเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป
หรือไม่บางทีเราก็อาจไม่มีเวลาเหลือมากพอสำหรับไปบอกผู้ที่เรารักว่าเรารักเขามากเพียงใด
แต่ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม พวกเราก็รอนานเกินไปในการทำอะไรต่อมิอะไรที่สำคัญในชีวิต
39.  
Practice humility: ฝึกหัดความอ่อนน้อมถ่อมตน
             คนทั่วไปมักชื่นชมบุคคลที่มีความสงบและมั่นใจในตัวเองอยู่ภายใน
คนส่วนใหญ่ชอบบุคคลที่ไม่โอ้อวดตัวเอง
เป็นบุคคลที่มีส่วนร่วมกับผุ้อื่นด้วยหัวใจไม่ใช่อัตตา ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นของคู่กัน
ยิ่งท่านไม่พยายามพิสูจน์ตัวเองต่อผู้อื่นยิ่งเป็นการง่ายที่จะพบสันติสุขในจิตใจ
40.  
When in doubt about whose turn it is to take 
the trash, go ahead and
take it out: เมื่อสงสัยว่าเป็นเวรเทขยะของใครให้นำขยะไปเททันที
              ท่านจะหาความพอใจได้ยากมากหากท่านคิดเล็กคิดน้อยว่าใครทำอะไร ใครทำมากกว่ากัน แต่ท่านจะรู้สึกเบิกบานใจยิ่งขึ้นที่ได้รู้ว่าได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ในขณะเดียวกันคนในครอบครัวก็จะทำงานน้อยลงอีกหนึ่งอย่าง ดีกว่าจะมานั่งอารมณ์เสียว่าเป็นเวรเทขยะของใคร
41.  
Avoid weatherproofing: หลีกเลี่ยงการจับผิด
        ยิ่งท่านไม่คอยจับผิดหรือตำหนิคนใกล้ชิดแล้วท่านก็จะยิ่งสังเกตเห็นว่าชีวิตนั้นดีมากขึ้นเพียงใด
42.  
Spend a moment, every day thinking of 
someone to love: ใช้เวลาวันละนาทีคิดถึงคนที่ท่านจะรัก
43.  
Become an anthropologist: ลองเป็นนักมานุษยวิทยาดู
          เมื่อมีใครบางคนทำอะไรบางอย่างที่ไม่เหมาะสมกับท่านแทนที่จะแสดงออกด้วยการต่อต้าน
ท่านก็อาจเปลี่ยนมาพูดกับตัวเองในใจว่า “ฉันเข้าใจดี
มันคงเป็นมุมมองในโลกของเธอก็น่าสนใจดีนะ”เมื่อท่านสนใจในแง่มุมอื่นๆของชีวิตที่แตกต่างกันออกไปก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับมุมมองนั้น
44.  
Understand separate realities: ทำความเข้าใจความ
           คนแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันออกไป อย่าพยายามคาดหวังว่า   ผู้อื่นจะมีความคิดเช่นเดียวกับท่าน
45.  
Develop your own helping rituals: พัฒนาวิธีช่วย
46.  
Every day, tell at least one person 
About them: ทุกๆวันเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านชอบชื่นชมหรือขอบคุณเขา
         การแสดงออกซึ่งความชื่นชมใครสักคนที่ท่านชอบ ถือเป็นการแสดงออกซึ่งความเมตตาเป็นครั้งคราวอย่างหนึ่ง
47.  
Argue for your limitation, and they’re your:
ถ้ามัวถกเถียงเกี่ยวกับข้อจำกัดต่างๆท่านก็จะมีข้อจำกัดจริงๆ
            เมื่อท่านโอนอ่อนผ่อนตามข้อจำกัดของตัวเอง
ท่านจะไม่ผิดหวังมากเมื่อสิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามที่ท่านคิด
48.  
Remember that everything has god’s 
Fingerprints on it: จำไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีทางสร้างสรรค์
       เมื่อชีวิตเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาที่จะได้เห็นพลังสร้างสรรค์ของสรรพสิ่ง ความมหัศจรรย์บางอย่างจะบังเกิดขึ้น สันติสุขจะเริ่มเกิดขึ้นในใจเราจะเริ่มมองเห็นแง่มุมทางบวกของชีวิตประจำวันซึ่งเราไม่เคยมองเห็นมาก่อน
49.  
Resist the urge to criticize: พยายามระงับความอยาก
50.  
Write down your five stubborn positions and 
See if you can soften
them:  ระบุนิสัยดื้อรั้นมากที่สุดของท่าน5อย่าง และพยายามลดนิสัยนั้นลง
51.  
Just for fun agree with criticism directed
toward you (then watch
it go away): เพื่อความสนุกสนานให้ยอมรับคำวิจารณ์ที่ผู้อื่นมีต่อท่าน (แล้วปล่อยให้มันผ่านไป )
       ลองใช้วิธีนี้ดูแล้วท่านจะพบว่าการเห็นด้วยกับคำวิจารณ์ของผู้อื่นเป็นครั้งคราวจะเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย
52.  
Search for the  grain of
truth in other 
opinion: เรียนรู้ความเป็นจริงในมุมมองของผู้อื่น
53.  
See the glass that already broken ( and
everything else too): มองเห็นแก้วเช่นเดียวกับสรรพสิ่งที่แตกแล้ว
           ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง คำพูดนี้สามารถนำมาใช้ได้เสมอถ้าใครสามารถปฏิบัติตามนี้ได้จะพบกับความสงบเยือกเย็นเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น
54.  
Understand the statement, “Wherever you
go,there you are”:พยายามเข้าใจคำพูดที่ว่า”ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน นั่นคือที่ของท่าน”
    หมายความว่าไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนท่านก็สามารถหาความสงบสุขได้ในทุกที่ๆท่านอยู่
55.  
Breathe before you speak: หายใจเข้าลึกๆก่อนพูด
         การทำเช่นนี้ทำให้ท่านรู้สึกผ่อนคลายได้
56.  
Be grateful when you felling good and 
Grateful when you
felling bad: จงเบิกบานเมื่อสบายใจ
57.  
Become a less aggressive driver: ลดการก้าวร้าวใน
      ท่านสามารถเลือกใช้เวลาดังกล่าวอย่างงุ่นง่านหงุดหงิดหรือใช้มันอย่างชาญฉลาด ถ้าท่านเลือกอย่างหลังท่านจะเป็นคนไม่เครียดและผ่อนคลายยิ่งขึ้น
58.  
Relax: จงผ่อนคลาย
59.  
Adopt a child through a mail:รับบุตรบุญธรรมทางจดหมาย
เป็นการจ่ายสั่งจ่ายเงินจำนวนเล็กน้อยเพื่อช่วยเหลือเด็กๆจะทำให้เรารู้จักการให้
60.  
Turn your melodrama into a mellow-drama:
61.  
Read articles and books with entirely 
different points of view
from your own and try to learn something: อ่านบทความและหนังสือที่มีความเห็นแตกต่างจากท่านและพยายามเรียนรู้อะไรบางอย่าง
62.  
Do one thing at a time: ทำทีละอย่าง
63.  
Count to ten: นับหนึ่งถึงสิบ
64.  
Practice being in the Eye of the storm:ฝึกทำตัวให้สงบท่ามกลางพายุร้าย
65.  
Be flexible with changes in your plans: ยืดหยุ่นกับการเปลี่ยนแผน
66.  
Think of what you have instead what you want: คิดถึงสิ่งที่มีอยู่แทนที่สิ่งที่ต้องการ
67.  
Practice ignoring your negative thoughts:ฝึกไม่
68.   Be willing
to learn from friends and family:
             ถ้าเราดื้อรั้นเกินไปที่จะเรียนรู้จากผู้ใกล้ชิด เราจะสูญเสียวิธ๊ปรับปรุงแก้ไขชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นด้วยวิธีง่ายๆแต่ให้ผลดีไป
69.   Be happy
where you are: มีความสุขในที่ ที่ท่านอยู่
70.   Remember
that you become what you practice most: จำไว้ว่าท่านจะเป็นในสิ่งที่ท่านฝึกมากที่สุด
71.   Quiet the
mind:สงบจิตใจ
                 ความสงบเป็นพื้นฐานของสันติสุขในจิตใจ และสันติสุขในจิตใจ
        จะส่งผลถึงสันติสุขภายนอก
72.   Take up yoga: ลองทำโยคะ
                  โยคะช่วยลดความตึงเครียดได้อย่างวิเศษ เนื่องจากมันสามารถ
        สมดุลระหว่างร่างกาย จิตใจ และสมองได้ ซึ่งส่งผลให้ท่านรู้สึกสบายใจ
        และสงบ
73.   Make service
an integral part of your life:
    ยิ่งท่านให้เวลาและพลังงานของท่านเองอย่างใจกว้างด้วยวิธีที่เป็นตัวของท่านเองอย่างแท้จริงแล้ว ท่านยิ่งได้ประสบการณ์ความรู้สึกแห่งสันติสุขที่ท่านไม่เคยรู้สึกมาก่อน
74.   Do a favor
and don’t ask for, or expect, one
and in return: ทำประโยชน์ให้ผู้อื่นและไม่ต้องร้องของหรือคาดหวังการตอบแทนใดๆ
75.   Think of
your problems as potential 
teachers: คิดเสียว่าปัญหาต่างๆคือครู
76.   Get
comfortable not knowing: ไม่ต้องไม่สบายใจถ้าไม่รู้
77.   Acknowledge
the totality of your being:ยอมรับภาพรวมของตัวท่านเอง
78.   Cut yourself
some slack: หัดปล่อยวางเสียบ้าง
79.   Stop blaming
others: เลิกติเตียนผู้อื่น
80.   Become an
early riser: ตื่นแต่เช้าตรู่
      การตื่นแต่เช้าตรู่จะทำให้สดชื่น และไม่ต้องรีบเร่งในการทำกิจกรรมต่างๆในตอนเช้า
81.   When trying
to be helpful,  focus on little 
things: ใส่ใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆเมื่อเราพยายามให้การช่วยเหลือ
82.   Remember,
one hundred years from now,
all 
new people: จำไว้ว่าจากนี้ไปอีกร้อยปีจะมีแต่คนใหม่ๆในโลก
        
อย่าเคร่งเครียดกับข้อผิดพลาดมากเกินไป จำไว้ว่าอีกร้อยปีข้างหน้าจะไม่มีใครจำหรือสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นนาทีนี้ได้
83.   Lighten up:ทำตัวให้ร่าเริงแจ่มใส
84.   Nature a
plant: ปลูกต้นไม้สักต้น
     ทดลองปลูกต้นไม้สักต้นแล้งดูแลเหมือนกับเป็นลูกของท่านเอง วิธีนี้เป็นการฝึกให้รู้จักรักโดยปราศจากเงื่อนไข
85.   Transform
your relationship to your 
problem: ปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ของท่านกับปัญหาต่างๆ
86.   The next
time you find yourself in an 
,see if you can see the other point
of view
first: คราวหน้าถ้าโต้แย้งกับใครๆ แทนที่จะปกป้งความคิดของตัวเองลองพยายามทำความเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายก่อน
87.   Redefine a
“Meaningful accomplishment”:
         
ถ้าการมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุเป็นหนึ่งในเป้าหมายแรกของชีวิตแล้ว ทำไมไม่จำกัดความความสำเร็จที่มีความเสียใหม่ว่าหมายถึงสิ่งต่างๆที่สามารถเกื้อหนุนเรื่องความรักและความสุข
88.   Listen to
your feelings ( they’re trying to 
tell you something: ฟังความรู้สึกของตังเอง(มันกำลังพยายามบอกอะไรบางอย่างแก่ท่าน
89.   If someone
throws you the ball,  you don’t
have to catch it:ถ้ามีใครโยนลูกมาให้ ท่านไม่จำเป็นต้องเข้ารับเสมอ
90.   One more
passing show: เป็นเพียงการแสดงอีกฉากหนึ่ง
        
การระลึกถึงข้อนี้ไว้เสมอ เป็นวิธีวิเศษที่จะรักษามุมมองที่จะหลากหลายเกี่ยวกับชีวิตไว้ในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง
91.   Fill your
life with love: เติมชีวิตด้วยความรัก
92.     Realize the power of your own
thoughts:ตระหนักในพลังอำนาจของความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง
                  ความไร้สุขเป็นความคิดซึ่งเกิดตามความคิดในทางลบเกี่ยวกับ 
        ชีวิตของท่าน
93.   Give up your
idea that “ more better”:เลิกความ
    ท่านจะใช้ชีวิตเที่ยวไล่ล่าหาความสุขโดยต้องการสิ่งต่างๆมากขึ้น หรือท่านเพียงแต่ตัดสินใจอย่างง่ายๆที่จะเลือกต้องการให้น้อยลง กลวิธีแบบหลังย่อมง่ายกว่าและเห็นผลกว่าอย่างเห็นได้ชัด
94.   Keep asking
yourself, “what really
    
important”: ถามตัวเองบ่อยๆว่าอะไรเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ
95.   Trust your
intuitive heart: เชื่อมั่นในความหยั่งรู้ของหัวใจ
ตัวเอง
96.   Be open to “
What it”: เปิดใจว่า “มันเป็น….เช่นนั้นเอง”
97.   Mind your
own business: สนใจแต่เรื่องของตังเอง
                 การสนใจแต่เรื่องของตัวเองช่วยลดความรู้สึกรำคาญใจที่เกิดจาก
       คนอื่นให้น้อยลง
98.   Look for the
extraordinary in the ordinary:
99.   Schedule
time for your inner work: กำหนดเวลา
สำหรับงานพัฒนาจิตใจตัวเอง
100 Live this day as if it were your
last, it might
    
be!: ใช้ชีวิตวันนี้ราวกับว่ามันคือวันสุดท้ายของชีวิต บางทีมันอาจเป็น
       เช่นนั้นจริงๆก็ได้
ข้อคิดที่ได้รับ
1.   มีข้อคิดให้เรารู้จักปล่อยวางไม่ใส่ใจกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆจนเกินไป
2.   มีข้อคิดให้รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักหัดมองสิ่งต่างๆในมุมมองที่แตกต่างออกไป
3.   มีข้อคิดรู้จักผ่อนคลาย ระบายสิ่งต่างๆที่เก็บเอาไว้เสียบ้าง
4.   มีข้อคิดให้รู้จักปรับตัวเข้ากับผู้อื่น กับสังคมใหม่ๆที่แตกต่างออกไป
5.   รู้จักมองโลกในแง่ดี
6.   ให้ข้อคิดในการพยายามสร้างความรักความเมตตาให้มีอยู่ในจิตใจ
7.   รู้จักทำจิตใจให้สงบมีสมาธิ
8.   คิดว่าอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นครู
9.   มีข้อคิดให้รู้จักหันมามองเรื่องบางอย่างที่เราเคยมองข้าม บางทีเราอาจจะเรียนรู้อะไรบางอย่างได้จากเรื่องเหล่านั้น
10.    มีข้อคิดที่ว่าให้ใช้ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุด
        Richard Carlson, Don’t sweat the small stuff and it all
small stuff (100ข้อ
         คิดเพื่อชีวิตสุขสงบ, กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชัน,2541.
