เวลาไม่คอยใคร


เวลาไม่คอยใคร


    อัจเจนติ  กาลา  ตรยันติ รัตติโย               วโยคุณา  อนุปัพพัง  ชหันติ
    เอตัง  ภยัง  มรเณ  เปกขมาโน                ปุญญานิ  กยิราถ  สุขาวหานิ
                                                                 (อัจเจนติสูตร) ..๑๕//
กาลเวลาก็ล่วงไป คืนวันก็ผ่านไป ชั้นแห่งวัยก็ละลำดับเรื่อยไป มองเห็นภัยในมรณะอยู่ 
ฉะนี้ ก็พึงทำบุญ อันจะนำสุขมาให้เข้าไว้เถิด

ชีวิตคนเราเหมือนกับการเดินทาง คือมีจุดเริ่มต้นและมีจุดหมายปลายทาง ทุกลมหายใจเข้าออกเป็นการเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางทั้งสิ้น แม้ว่าชีวิตในแต่ละวัน จะมีการหยุดพักผ่อนหลับนอนบ้าง อยู่กับที่ไม่ได้ไปไหนบ้าง แต่ว่าวัยหรืออายุหาได้หยุดพักไม่ คงเดินทางเรื่อยไป จึงเท่ากับว่าชีวิตเดินทางอยู่ตลอดเวลานั่นเอง ทั้งนี้ก็เพราะชีวิตนั้นหมุนไปตามกาลเวลาและคืนวันที่ล่วงผ่านไปเรื่อยๆ กาลเวลาและคืนวันนั้นมิใช่จะผ่านล่วงไปเฉยๆ ยังพาเอาวัยหรืออายุของคนเราผ่านไปล่วงไปด้วย คือวัยของคนเราก็เดินหน้าละลำดับไปเรื่อยๆ จากลำดับปฐมวัยผ่านไปสู่ลำดับมัชฌิมวัย อันจุดหมายปลายทางของชีวิตนั้นก็คือมรณะหรือความตายนั่นเอง หลังจากมรณะก็เป็นเรื่องของการเดินทางไปสู่ปรโลกต่อไป
อันมรณะนี้ดูออกจะน่ากลัวอยู่มาก ผู้คนทั่วไปไม่อยากจะพบเจอนัก แม้ชื่อก็ไม่อยากจะได้ยินเสียแล้วแต่จะต้องการหรือไม่ต้องการก็ต้องเดินทางไปหาและต้องพบแน่นอน ไม่มีใครหลีกหนีไปได้เลยแม้แต่คนเดียว เพราะฉนั้นเมื่อจะต้องพบกันแล้วเพื่อจะได้ไม่ต้องกลัวกันมาก ท่านจึงแนะนำให้คนเราทำความคุ้นเคยกันมรณะเสียด้วย การนึกถึงบ่อยๆซึ่งเรียกว่า มรณะสติ ซึ่งหมายถึงให้นึกถึงมรณะเป็นประจำ จนมีความรู้สึกว่าเหมือนคนกันเองที่พบหน้ากันบ่อยๆ ก็หายกลัวกันไป
อนึ่ง ก่อนที่จะไปพบกับมรณะนั้น เพื่อความไม่ประมาท ท่านแนะนำให้เตรียมเสบียงให้พร้อมเข้าไว้ เหมือนคนที่เดินทางไกล เตรียมเสบียงสำหรับกินใช้กลางทางและตอนถึงปลายทางแล้ว เสบียงที่ท่านเตรียมนั้นก็คือบุญ เพราะบุญเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะอำนวยความสุขความสบายให้แก่คนที่เดินทางไปสู่ปรโลกได้ นอกจากนี้แล้วเป็นไม่มี ทรัพย์สมบัติ ลูกเต้า คนที่รัก ยศศักดิ์ต่างๆ ที่มีอยู่ไม่อาจช่วยเหลือหรือติดตามไปได้เลย อย่างดีก็มาส่งกันแค่ประตูเตาเผาเท่านั้นเอง
การที่ยังปล่อยให้วัยล่วงเลยไปเปล่าๆ แม้จะอยู่ในวัยที่แก่แล้ว โดยไม่เตรียมสะสมเสบียงคือบุญกุศลไว้บ้าง หรือคิดว่าเมื่อตายไปแล้วลูกหลานของเขาคงทำไปให้เอง นับว่าประมาทยิ่งแล้ว สะสมบุญไว้ด้วยตนเองเรื่อยไป นั่นแหละเป็นดีที่สุดและถูกต้องที่สุด การหวังน้ำบ่อหน้านั้น โบราณเขาสอนกันนักว่า ไม่ควรประพฤติ เพราะมีแต่จะทำให้ผิดหวังอย่างเดียว
                                          พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุระเตโช .. ราชบัณฑิต)
                                                   เจ้าอาวาสวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร